วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ลุงแหล่....คนทำแคน หนึ่งเดียวของจังหวัดมุกดาหาร



แคน....เครื่องดนตรีอัศจรรย์แห่งอีสาน ที่น้อยคนนักที่จะฝึกหัด และสามารถที่จะเล่นได้อย่างดนตรีสากลทั่วไป แต่การที่คนหลายคน ที่สามารถเล่นดนตรีชนิดนี้ได้ ถูกถ่ายทอดด้วยวิถีชีวิต เสียงแคนเปรียบเสมือนชีวิตของคนอีสาน ที่ได้สะท้อนความเป็นมา ความเป็นคนเรียบง่าย แต่ลึกซึ่งด้วยสาระ ยากนักที่คนทั่วไป จะสามารถเข้าถึงแก่นแท้ได้


แต่ปัจจุบัน คนทำแคน เหลือน้อยเต็มที่ เฉกเช่นในจังหวัดมุกดาหาร เท่าที่ทราบพบว่า มีลุงแหล่ คนทำแคนที่ทำด้วยการสืบทอดมาจากบิดา(บ้านหนองแอก ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมืองมุกดาหาร) เป็นมรดกของวิถีชีวิตที่อยากสืบทอดให้คงอยู่ต่อไป แต่ก็อดห่วงใยไม่ได้ที่พบว่า คนรุ่นใหม่ไม่สนใจ ทั้งนี้เพราะทั้งยาก และควาไม่เห็นความสำคัญของมรดกทางดนตรีของเครื่องดนตรีชนิดนี้ วิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร เห็นความสำคัญดังกล่าว จึงได้พยายามหาคนสืบทอด ด้วยการสร้างหลักสูตรการฝึกอบรม หรือหลักสูตรอื่นๆที่ต้องการให้ แคน เครื่องดนตรีแห่งชีวิตชนิดนี้ ได้มีส่วนสร้างสรรค์ความงดงามของเสีนงดนตรีและวิถีชีวิตควบคู้กันไป เราได้พัฒนาหลักสูตร "ลำผญาห้วดอนตาล" โดยมี หมดลำผมหอม สกุลไทย ภูมิปัญญาท้องถิ่นระดับชาติ ทำหน้าที่อาจารย์ผู้สอน/ถ่ายทอดแก่อนุชนรุ่นหลังในเขตอำเภอดอนตาล เพื่อปลูกฝังให้เกิดความรักท้องถิ่น รักเสียงแคน ...มุกดาหาร คงไม่สิ้นเสียงแคน แต่คนทำแคนคงจะหมดในในไม่ช้า

ปฏิรูปอุดมศึกษา...ปฏิรูปประเทศไทย





ช่วงวันที่ ๑๓-๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา จัดการประชุมสัมมนาในหัวข้อ "ปฏิรูปอุดมศึกษา ปฏิรูปประเทศไทย" ทั้งนี้เพิ่มบทบาทของสถาบันอุดมศึกษา ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ นำความรู้ออกจากรั้วสถาบัน สู่ชุมชนให้มากขึ้น โดยนำเสนอโครงการ "หนึ่งจังหวัด หนึ่งมหาวิทยาลัย" เป็นการมอบหมายให้วิทยาลัย/มหาวิทยาลัย ที่เป็นสถาบันอุดมศึกษา รับผิดชอบในการพัฒนาจังหวัด ทำหน้าที่เป็นสถาบันที่อุดมไปด้วยองค์ความรู้ ควรที่จะนำความรู้ไปสู่ชุมชน อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับชุมชน ร่วมค้นหาปัญหาแล้วดำเนินการแก้ไขปัญหาร่วมกัน

ประกวดสกายแลป

จังหวัดมุกดาหาร กำหนดให้มีการประกวดรถสกายแลป รถโดยสารประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นในจังหวัดมุกดาหาร ทำหน้าที่ให้บริการนักท่องเที่ยว จนกล่าวได้มา รถสกายแลป เป็นสัญลักษณ์กาเดินทางท่องเที่ยวของจังหวัดมุกดาหาร ที่หลายคนกล่าวถึง และคงรที่จะให้ความสำคัญในการสนับสนุนให้รถสกายแลปเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดมุกดาหารอย่างแท้จริง วิทยาลัยชุมชนจังหวัดมุกดาหาร ได้รับมอบหมายจากจังหวัดมุกดาหาร ให้ดำเนินการจัดประกวดรถสกายแลปประเภท "ความคิดสร้างสรรค์" ซึ่งมีรถสกายแลปส่งข้าประกวด จำนวน ๖ คัน ซึ่งบุคลากรของวิทยาลัยชุมชน ได้ดำเนินการประกวดให้คะแนนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้รายงานผลการประกวดให้จังหวัดทราบและได้มีการมอบรางวัล เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา และวิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร ยังมีโครงการในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อการพัฒนาคุณภาพการให้บริการของรถสกายแลป โดยจัดหลักสูตรฝึกอบรมหลายๆหลักสูตร และจะได้ดำเนินการในปีงบประมาณ ๒๕๕๔ นี้อย่างต่อเนื่องต่อไป

ตรวสอบการทำงานองค์กรอิสระ

วันนี้ (๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๓) ได้รับเชิญจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมเสวนาเรื่อง การตรวจสอบองค์กรอิสระในการใช้อำนาจรัฐ ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการจาก USAID จากอเมริกา เพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากภารัฐและภาคประชาสังคม สะท้อนการทำงานขององค์กรอิสระดังกล่าว เพื่อร่วมกันสร้างความน่าอยู่ให้กับประเทศไทย จะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เป็นเรื่องที่น่าพิจารณา เพราะี่ที่ผ่านมาในรอบหนึ่งปี องคืกรอิสระของประเทศไทย ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า มีแต่อำนาจ ไม่มีจิตสำนึกมากเพียงพอในการปฏิบัติหน้าที่ จำเป็นที่จะต้องช่วยกันสะท้อนความเป็นไปดังกล่าวให้สาธารณะได้รับรู้บ้างว่า องค์กรเหล่านี้ ยังจะสามารถเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนต่อไปหรือไม่ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติให้องค์กรอิสระเหล่านี้เกิดขึ้น





ผู้เข้าร่วมการเสวนา ประกอบด้วยตัวแทนจากภาครัฐ และภาคประชาสังคม ซึ่งจะเห็นได้ว่า บุคคลที่เข้าร่วมเวทีการเสวนา เป็นผู้นำชุมชนที่ได้ร่วมกันสร้างพลังสร้างสรรค์ให้แก่จังหวัดมุกดาหารตลอดมา โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่เป็นผู้นำองค์กรชุมชน

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

น้ำตก คอนพะเพ็ง (แขวงจำปาสัก)...สปป.ลาว

ในช่วงวันที่ ๒๗-๒๘ ได้มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวแขวงจำปาสัก ได้เดินทางไปเที่ยวชมน้ำตกหลายแห่ง โดยเฉพาะ น้ำตกที่ขึ้นชื่อว่าสวยงาม ได้แก่น้ำตกคอนพะเพ็ง น้ำตกตาดส้วม และน้ำตกตาดฟาน ซึ่งทำให้เห็นว่า นับเป็นโชดีของประชาชนประเทศลาว ที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามเช่นนี้ เป็นผลของการสร้างสรรค์จากธรรมชาติ ที่มนุษย์ได้รับประโยชน์จากการได้ไปเยี่ยมชน รู้สึกถึงความอัศจรรย์ของธรรมชาติ ประเทศใด ได้เป็นเข้าของทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงามเหล่านี้ ย่อมเป็นโคดี เป็นควรมภาคภูมิใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อธรรมชาติได้มอบสิ่งที่มีค่าให้กับมนุษย์ เป็นหน้าที่โดยตรงที่จะต้องใช้ทรัพยากรเหล่านั้นด้วยความเคารพ ไม่เอาเปรียบธรรมชาติ เมื่อธรรมชาติได้ให้ความอิ่มเอิบ มนุษย์ควรที่จะต้องตอบสนองแทนคุณเหล่านั้น ด้วยการไม่ทำลาย แต่มีหน้าที่ต้องอนุรัักษ์รักษาให้มีความสมดุลอย่างต่อเนื่องยาวนาน ไม่ทำลาย ซึ่งทำให้เห็นว่า ประเทศลาว ได้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีได้อย่างคุ้มค่า ไม่นำเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าไป มีแต่นักท่องเที่ยวเท่านั้น ที่ไม่มีระเบียบวินัยในการเที่ยวชทธรรมชาิติ ข้อสังเกตุประการปนึ่ง พบว่า มีแต่นักท่องเที่ยวจากปรเทศไทย(มีต่างชาติบางแต่น้อย) เดินทางไปใช้จ่ายในประเทศลาวเป็นจำนวนมาก หากจะดูธรรมชาติที่ได้พบเห็น คิดว่า ประเทศไทยเราก็มีทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสวยงาม ไม่แตกต่างกันมากนัก เราควรที่หันมาเที่ยวกันในประเศกันให้มากขึ้น ลดการใช้จ่าย เอาเงินบาทไปทิ้งในต่างประเทศลงบ้างก็คงจะดี

สร้างทีม ปกครอง + สำนักงานจังหวัดมุกดาหาร

ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ทีผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้ดำเนินการสร้างทีมงานเพื่อการปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพ โดยจัดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของบุคลากรที่ทำการปกครองจังหวัดมุกดาหาร และสำนักงานจังหวัดมุกดาหาร โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ ต้องการให้ทั่งสองสำนักงาน ปฏิบัติงานเป็นต้นแบบการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ สร้างความประทับใจแก่ประชาชนผู้รับบริการ เปลี่ยนภาพลักษณ์ของการทำงานให้มีชีวิตชีวิต เพราะทั้งสองหน่วยงาน มีบทบาท/ภารกิจโดยตรงในการสร้างความประทับใจให้แก่ประชาชนที่มารับบริการบริเวณศาลาจังหวัดมุกดาหาร










ในการณ์นี้ ได้มอบหมายให้ อ.มนูญ วงศ์นารี ประธานกลุ่มจิตอาสาและคณะทำหน้าที่เป็นวิทยากร ประกอบด้วย อ.มนูญ วงศ์นารี ดร.อีดิธ นามประกาย อ.วิรัตน์ พรหมดี และ อ.สุริยะ พิศิษฐอรรถการ โดยมีเนื้อหาที่สำคัญ คือ
(๑) การปฏิบัติงานในหน้าที่และตำแหน่ง (อ.มนูญ วงศ์นารี)
(๒) การสร้างขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติงาน (ดร.อีดิธ นามประกาย)
(๓) การสร้างทีมงาน (อ.สุริยะ พิศิษฐอรรถการ/อ.วิรัตน์ พรหมดี)

นับเป็นโครงการที่ดีในการเสริมสร้างขวัญและกำลังในการปฏิบัติงานแก่บุคากรในระยะเริ่มต้น แต่จะต้องทำอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ จึงจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร และต้องขยายไปสู่หน่วยงานอื่นๆ เพื่อสร้างการทำงานเป็นทีม ควรจะเรียกง่า Mukdahan Team แะลต้องสร้างความเจ้าใจร่วมที่จังหวัดมุกดาหาร จะต้องเป็นทีมเดียวกัน เอาความเจริญก้าวหน้าของจังหวัดเป็นตัวตั้ง หรือจังหวดมุกดาหาร เป็นกรมกรมหนึ่ง ที่มีผู้ว่าเป็นอธิบดีกรมมุกดาหาร การพัฒนาจะต้องอาสัยความร่วมมือและการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ซึ่งประกอบด้วย ภาคราชการ ภาคการเมือง ภาคธุรกิจเอกชนและภาคประชาชน (กรอป.)ซึ่งเป็นแนวคิดและกระบวนการทำงานของ "กลุ่มจิตอาสาเพื่อพัฒนามุกดาหาร"

วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ภาพมืองมุก...

เมืองมุกดาหาร
มุกดาหาร จังหวัดหนึ่งในประเทศไทย ที่หลายท่านยังไม่รู้จักว่าอยู่ส่วนไหนของประเทศไทย ในอดีต หากไม่ตั้งใจ..จะไปไม่ถึง เพราะอยู่ไกลจากกรุงเทพมหนานคร ประมาณ 660 กิโลเมตร แต่ปัจจุบัน เมืองมุกดาหาร กลับกลายเป็นเมืองเศรษฐกิจชายแดน หลังจากการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่สอง เป็นสะพานเชื่อมไปสู่ประเทศลาว เวียดนาม และจีน นักลงทุนจำนวนมาก เดินทางมาลงทุนทั้งในจังหวัดมุกดาหาร และแขวงสวันนะเขต ในประเทศลาว หรือในประเทศเวียดนาม

หากท่านสนใจเมืองมุกดาหาร ขอเชิญเดินทางไปเมืองมุกดาหารสักครั้ง ท่านอาจจะได้รู้ว่า จังหวัดมุกดาหาร เป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย ที่มีหลายอย่างน่าสนใจ ทั้งศิลปวัฒนธรรม และธรรมชาติที่สวยงาม

วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กฐิน...ผ้าป่า...ความต่างในควหมือน

ช่วงเดือนนี้ (พฤศจิกายน) เป็นช่วงของการทอดกฐิน ของประะชาชนในประเทศไทย ทุกพื้นที่ เป็นประเพณีที่ดีงาม ที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน หากใครที่ได้ร่วมกันทอดกฐินถือว่า เป็นการกระทำที่มีกุศลแรง ได้บุญมากกว่าการทอดผ้าป่าหรือกิจกรรมอย่างอื่น

กฐินถือกติกาว่า จะต้องดำเนินการในช่วงที่มีการกำหนดไว้แน่นอน ไม่เหมือน "ผ้าป่า" ที่สามรถจะกระทำได้ตลอดเวลา ประเด็นนี้ อาจจะเป็นที่มาของความสำคัญของการทำบุญกฐิน

ความเห็นประการหนึ่ง จากการได้ไปร่วมทอดกฐิน (เมื่อวันที่ 7 พฟศจิกายน 2553) วัดหนึ่งในตำบลนาสีนวน อำเภอเมืองมุกดาหาร เป็นกฐินที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร นำมาทอดถวายที่วัดวัดหนึ่งในตำบลนาสีนวน ซึ่งช่วงเวลาเดียวกันนี้ มีอีกหลายวัด ที่มีการทอดกฐินเช่นเดียวกัน เป็นฤดูกาลของการเดินทางของคนในเมือง (กรุงเทพมหานครหรือจังหวัดใหญ่ๆอื่นๆ)ที่มีญาติอยู่ในต่างจังหวัด เป็นการเดินทางมาเยี่ยมญาติหรือบ้านเกิด พร้อมกับการทอดกฐิน โดยการรวมตัวของญาติมิตร หรือเพื่อนฝูงที่อยู่ต่างถิ่นด้วยกัน นับเ้ป็นการสนองคุณบ้านเกิดรูปแบบหนึ่งของคนไทย

สิ่งที่ควบคู่กับการทอดกฐิน คือการเดินทางท่องเที่ยว การได้เดินทางกลับบ้านเดิมเพื่อเยิ่ยมญาติพี่น้อง ประเด็นที่น่าสนใจของผู้เขียนคือ การเดินทางกลับมาของผู้ไปทำงานต่างถิ่น กลับมาด้วยความแตกต่างจากเดิม กลับมาด้วยความหรูหรา มีเงินมีทอง การแต่งกายที่ดูมีฐานะมากกว่าเดิม สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่นำมาให้ญาติพี่น้องได้เห็นได้เจอ นำมาซึ่งการยกย่องชมเชย การเลี่ยนแบบ การเฝ้าคอยการกลับมาในปีต่อไป เป็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากาการเดินทางไปทำงานหรือประกอบอาชีพที่อื่น ที่ทำให้เห็นว่า เป็นสิ่งที่ดี มีโอกาสมากกว่า การอยู่ในพื้นที่บ้านเกิดของตนเอง ค่านิยมที่เกิดขึ้นโดยไม่รู่ตัว คือการเห็นว่า การกระทำเช่นนี้ เป็นสิ่งที่หลายคนแสวงหา เดินทางไปทำงานต่างถิ่น เมื่อเดินทางกลับมา จะสร้างความภาคภูมิใจ รู้สึกอิ่มเอิบการการต้อนรับของญาติพี่น้อง พลอยทำให้มีหน้ามีต่าไม่น้อย

วันเสาร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553

แข่งเรือลุ่มน้ำโขง...อำเภอดอนตาล

ช่วงวันที่ 29-31 ตุลาคม 2554 อำเภอดอนตาลโดยเทศบาลตำบลคอนตาล ร่วมกับอบจ.มุกดาหาร จัดแข่งเรือประเพณีลุ่มน้ำโขง ในเทศกาลออกพรรษา ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมายาวนาน เป็นการสืบสานประเพณีอันดีงามของพี่น้องที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำโขง ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไทย หรือ ฝั่งลาว แทบทุกพื้นที่จะมีประเพณีแข่งเรือ เพื่อบวงสรวงแม่น้ำโขง หลังจากเสร็จฤดูทำนา







อำเภอดอนตาล โดยท่านายกเอกอมร ศรีลาศักดิ์ (กรรมการสภาวิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร) เป็นองค์กรท้องถิ่นที่เข้มแข็ง ดำเนินการจัดการแข่งเรือเพื่อส่งเสริมประเพณีมาอย่างต่อเนื่อง เปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่างๆในอำเภอดอนตาล ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการกิจกรรมประเพณี ซึ่งวิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร โดยหน่วยจัดการศึกษาอำเภอดอนตาล ก็เป็นองค์กรหนึ่งในฐานะสถาบันอุดมศึกษาในท้องถิ่น ได้ร่วมสืบสานประเพณีดังกล่าว นำโดย อ.สุนทร ปาวงศ์ หัวหน้าหน่วยจัดการศึกษา ร่วมกับนักศึกษา ร่วมกิจกรรมดังกล่าวกันอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งวิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร ได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อดำเนินการส่วนหนึ่ง ผู้เข้าร่วมจัดกิจกรรม ได้แก่ อาจารย์พิศษ กรรมการสภานักศึกษา

วชช.มุกดาหาร...ประชุมสภาสมัยวิสามัญ

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2553 วิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร จัดประชุมสภาวิทยาลัยชุมชน วาระพิเศษเพื่อพิจารณาคัดเลือกกรรมการสรรหากรรมกาสภาวิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร ซึ่งจะหมดวาระลงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 โดยที่ประชุมได้พิจารณาเสนอรายชื่อที่เห็นว่ามีคุณสมบัติเหมาะสม ให้ที่ประชุมพิจารณาคัดเลืิอกจำนวน 2 ท่าน เพื่อทำหน้าที่กรรมการสรรหากรรมการสภาวิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร




ที่ประชุมได้เสนอชื่อบุคคล 2 ท่าน ได้แก่ ดร.อีดิธ นามประกาย กรรมการผู้จัดการ บริษัท โตโยต้า มุกดาหาร จำกัด และ คุณสกล รักษ์สัตย์ กรรมการผู้จัดการ(ฝ่ายโรงงาน) โรงงานน้ำตาลสหเรือง จำกัด ทั้งสองท่าน เป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับการดำเนินงานของวิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร มาโดยตลอด ดังนั้น เชื่อได้ว่า ทั้งสองท่านจะทำหน้าที่ได้อย่างดี

วิทยาลัยชุมชนมุกดาาร จะก้าวไปข้างหน้าอย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับการทำหน้าที่ของสภาวิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร เป็นสำคัญ เพราะเป็นผู้กำหนดนโยบาย กำกับดูแล การทำหน้าที่ของผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชน ซึ่งสภาวิทยาลัยชุมชน จะต้องเป็นผู้เสียสละ ทุ่มเท แสวงหาทรักยากรต่างๆ เพื่อสนับสนุน ส่งเสริมการดำเนินงานของวิทยาลัยชุมชน ให้วิทยาลัยชุมชน เป็นของชุมชนโดยแท้จริง

วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2553

พญานาค....เมืองมุกดาหาร





ช่วงท่่ผ่านมา จังหวัดมุกดาหารมีกระแสข่าวพญานาค ขึ้นบริเวณสะพานไทย-ลาว แห่งที่ิสอง ทำให้จังหวัดมุกดาหาร คึกคึกขึ้นอย่างรวดเร็ว ประชาชนทุกสารทิศเดินทางมาจังหวัดมุกดาหาร เพื่อต้องการเห็นพญานาคขึ้นกลางลำน้ำโขง ทำให้เป็นโอกาสที่ดีแก่จังหวัดมุกดาหาร ที่จะประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดให้แพร่ขยายกว้างขวางออกไปยิ่งขึ้น

จังหวัดมุกดาหาร จึงได้สร้างประดิษฐ์กรรมใหม่ขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมกระแสพญานาคให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งได้มีการเดินทางไปรับกระดูกชิ้นส่วนพญานาคจากจังหวัดภูเก็น มาเพื่อประชาสัมพันธ์และช่วยสร้างพระใหญ่ของจังหวัดมุกดาหาร และในจังหวัดบริเวณหัวสะพานมิรภาพไทย-ลาว ได้มีการก่อสร้างรูปพญานาคขึ้น เพื่อเป็นสถานที่สักการะบูชา นับเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย

สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา 3.0 ประเทศไทย.

วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เทศกาลกินเจ...เมืองมุกดาหาร

เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับประชาชนคนมุกดาหาร และประชาชนท่วไป ที่จังหวัดมุกดาหาร กำหนดให้มีเทศกาลกินเจขึ้น มีกิจกรรมส่งสเริมสนับสนุนน่าสนใจ มีการแห่และเชิดสิงห์โต แห่เทพเจ้าต่างๆ ที่แกะสลักจากไม้ที่สวยงามเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นกิจกรรมของพี่น้องชาวจีนที่อาศัยอ่ในจังหวัดมุกดาหาร





เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดมุกดาหาร ให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เป็นการเพิ่มบทบาทของประชาชนจังหวัดมุกดาหาร ในการช่วยกันจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัด ซึ่งน่าจะเป็นแนวทางที่ถูกต้อง ที่ประชาชนจังหวัดมุกดาหาร ลุกขึ้นมาร่วมกันจัดการจังหวัดของตนเอง ให้มีชีวิตชีวา ไม่ต้องรอภาคราชการสั่งการให้ดำเนินการ เพราะประชาชนจังหวัดมุกดาหารทุกคน เป็นเจ้าของจังหวัด เป็นบ้านเกิดที่จะต้องอยู่ต่อไปจนสิ้นชีวิต ลูกหลานจะเป็นผู้สืบทอดสิ่งดีงามให้ยั่งยืนต่อไป เพราะฉะนั้น คนมุกดาหารในปัจจุบัน จำเป็นที่จะต้องเพิ่มบทบาท ให้ความสนใจกับตัวตนของตนเองให้มากขึ้น ร่วมแรงร่วมใจกันให้มากขึ้น เพื่อความสุขสมบูรณ์ การมีคุณภาพชีวิตที่ดี...ของคนมุกดาหารเป็นที่ตั้ง

อาคารเก่าเมืองมุก....น่าอนุรักษ์





เมื่อเช้าวันที่ 2 ตุลาคม 2553 ได้ไปนั่งทานข้าวเปียก(เวียดนาม)อยู่ใกล้ๆตลาดศิริมงคลเกา่ เท่าที่ทราบบ้านหลังนี้เจ้าของเป็นเจ้าของร้านอาหารสวนรักมาก่อน(ตอนนี้หายไปแล้ว)เมื่อแหงนหน้าขึ้นเพดาน พบความแปลก คือ เพดานทำด้วยวัสดุบางอย่างที่ไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร แต่ถ้าจะให้เดา น่าจะเป็นกล่องลูกระเบิดสมัยสงครามเวียดนาม ที่ถูกดัดแปลงมาเป็นวัสดุประดับเพดานบ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่ รูปลักษณะภายนอกและภายใน ไม่เหมือนกับอาคารอื่นๆในจังหวัดมุกดาหาร

ในความเห็น หากจะให้เมืองมุกดาหาร ได้แสดงให้เห็นถึงเอกลัษณ์ ความเป็นมาที่มีเรื่องราวน่าสนใจ เทศบาลเมืองมุกดาหาร น่าจะให้ความสนใจเข้าไปดูแล ประกาศเป็นอาคารอนุรักษ์ เพื่อการเรียนรู้แก่ลูกหลานในปัจจุบัน จะได้มีโอกาสเรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของจังหวัดมุกดาหารในอดีต ที่เห็นว่า มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และมิใช่มีเพียงอาคารเดียว อีกอาคารหนึ่งที่เห็นได้ คืออาคารเหลืองโรงเรียนมุกดาลัย ที่ก่อสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.2461 (คำนวณอายุลองดูครับ...น่าสนใจ) แต่จะมีอนุชนมุกดาหารสักกี่ราย ที่จะได้เรียนรู้ถึงความเป็นมาของอาคารหลังนี้ แะเช่นเดียวกันกับร้านขายข้าวเปียกที่กล่าวข้างต้น ควรจะเป็นถานที่ที่ให้เรื่องราวแก่ประชาชนจังหวัดมุกดาหาร เป็นหน้าที่ของเทศบาลโดยตรง พร้อมทั้งพี่น้องชาวจังหวัดมุกดาหารที่จะต้องช่วยกันดูแล อนุรักษ์ไว้เพื่อการเรียนรู้ในปัจจุบัน ในฐานะที่จังหวัดมุกดาหารเป็นเมืองชายแดน เมืองการค้าและการท่องเที่ยว...เชิญพี่น้องชาวมุกดาหาร ร่วมกันแสดงความคิดเห็นและเชิญชวนร่วมกันอนุรักษ์สิ่งที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ไว้ตรายนานเท่านาน

วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

กลุ่มจิตอาสา...ทบทวนบทบาท




เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2553 กลุ่มจิตอาสา ซึ่งนำโดย อ.มนูญ วงงศ์นารี ประธานกลุ่ม เชิญสมาชิกเข้าร่วมประชุมที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี วิทยาเขตมุกดาหาร(โรงเรียนมุกดาลัย) ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย คุณพ่อเฉิดศักดิ์ แสนวิเศษ ที่ปรึกษากลุ่ม พี่หมอวิรุฬห์ ศุภกุล โฆษกของกลุ่ม อ.วิรัตน์ พรหมดี วิชาการกลุ่ม อ.สุริยะ พิศิษฐอรรถการ เลขากลุ่ม ดร.กุลภา โภคสวัสดิ์ ผู้ช่วยเลขากลุ่ม ดร.อีดิธ นามประกาย ผู้ประสานงานกลุ่ม

ประเด็นของการปรึกษาหารือ คือการทบทวน ปรับบาทบาทของกลุ่มให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดยสาระสำคัญคือ กลุ่มที่ตั้งขึ้น เป็นกลุ่มของบุคคลที่มีใจอาสาอยากช่วยในการพัฒนาเมืองมุกดาหาร ให้มีความสมดุลและยั่งยืน โดยทำหน้าที่กระตุ้น ส่งเสริม สนับสนุนให้ภาคส่วนต่างๆ ในจังหวัดมุกดาหาร (4 ภาคส่วน:ภาคราชการ ภาคธุรกิจเอกชน ภาคการเมือง และภาคประชาชน) เข้ามาร่วมมือกันในการสร้างทีมงานเพื่อการพัฒนา มีเป้าหมายในการพัฒนาจังหวัดมุกดาหาร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว

วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การส่งเสริมสังคมอารยประชาธิไตย



ด้วยการสนับสนุนของสภาพัฒนาการเมือง ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร มีการจัดเวทีเสวนาสมาชิกสภาองค์กรชุมชนตำบล จำนวน 6 ตำบล ประกอบด้วย ตำบลหนองแคน(อ.ดงหลวง) ตำบลกกแดง(อ.นิคมคำสร้อย) ตำบลหนองสูงใต้ (อ.หนองสูง) ตำบลผึ่งแดดและตำบลบ้านโคก(อ.เมืองมุกดาหาร) และตำบลบ้านบาก (อ.ดอนตาล)เพื่อร่วมกันเสริมสร้างแนวคิดใหม่ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ทั้งนี้เพื่อพิจารณากำหนดแนวทางที่เป็นของชุมชน ที่จะนำมาซึ่งความสมานฉันท์ ความเป็นพี่เป็นน้อง

เมื่อวันที่ 29-30 มิถุนายน 2553 ได้เปิดเวทีเสวนาตำบลหนองแคน อำเภอดงหลวง โดยมีทีมอาจารย์จากวิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร (นำโดย อ.วิรัตน์ พรหมดี อ.สุริยะ พิศิษฐอรรถการและคณะ)ดำเนินการจัดกระบวนการเสวนา เป็นเวลา 2 วัน มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ จากเวทีเสวนาที่ผ่านมา พบว่า ประเด็นการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง กลับกลายเป็นปัญหาหลักของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในทุกชุมชน หลังการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งระดับใด กระบวนการเลือกตั้ง ได้นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างญาติพี่น้อง คนในชุมชน จนนำไปสู่ความหมางเมิน ความไม่ร่วมมือของชุมชน แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย จนอาจจะกล่าวได้ว่า "การเลือกตั้ง นำมาซึ่งความแตกแยกในชุมชน"